ในบทความนี้เราจะกล่าวถึง ” วิธีแก้ ลูกชอบโยนของเวลาโกรธ ปาข้าวของ ควรจัดการอย่างไรดี” ให้คุณพ่อ คุณแม่ได้เข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกน้อย รวมถึงวิธีแก้ไขพฤติกรรมของลูกน้อยควรทำอย่างไรดี ?
บทความแนะนำ : 5 สิ่งบ่งบอกได้ว่า ลูกพัฒนาการช้า เกิดจากอะไร? ควรทำอย่างไร?

พฤติกรรมลูกชอบโยนของ เกิดจากอะไร ?
พฤติกรรมของลูกที่ชอบโยนของเวลาอาจมีสาเหตุหลายปัจจัย และส่วนตัวขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อาจมีสาเหตุจากความสะสมของความรู้สึก, การตอบสนองของครอบครัว, การแสดงอารมณ์, ความสนใจในการทดลอง, สภาพแวดล้อม, และความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเหตุผลของพฤติกรรมนี้.
การแก้ปัญหาพฤติกรรมการโยนของเวลาของลูกอาจจำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากครอบครัว และการสำรวจสาเหตุที่อาจเป็นผลในพฤติกรรมนี้ การควบคุมอารมณ์ และการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้.
วิธีแก้ ลูกชอบโยนของควรทำอย่างไร ?
1. สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับลูกเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้าใจ และความรัก ความเอาใจใส่ ในครอบครัว
สร้างพื้นที่ส่วนตัว: ให้ลูกมีพื้นที่ส่วนตัวที่เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่เขา/เธอสามารถใช้เพื่อรับมือกับความโกรธ ส่วนนี้อาจเป็นห้องนั่งเล่น หรือมุมเล็กในห้องของลูกที่เขา/เธอสามารถหลีกเลี่ยงการโยนของ และพักผ่อน.
ควบคุมระดับเสียง: ระดับเสียงที่เงียบสงบมักช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัย และสงบ อย่าให้เสียงเรียกหา หรือสร้างความรุนแรงที่ไม่จำเป็นในบ้าน.
ติดตั้งกฎ และข้อบังคับ: กำหนดกฎ และข้อบังคับในบ้านที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ยอมรับ และความรู้สึกที่สามารถแสดงออกมา นี้ช่วยในการเรียนรู้
เล่นร่วมกัน: การเล่นร่วมกับลูกเสริมสร้างความสนใจ และความรู้สึกที่ดี และช่วยลดความโกรธของลูก.
คุย และสนับสนุน: คุยกับลูกเกี่ยวกับความรู้สึก และความโกรธของเขา และสนับสนุนให้ลูกรู้ว่าคุณอยู่ข้างๆ และสนับสนุนเมื่อมีปัญหา.
2. สร้างการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์

การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์ของลูก และการจัดการอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลในการพัฒนาทักษะที่สำคัญในชีวิตของลูก เนี่ยข้อความที่สามารถใช้เป็นแนวทาง:
สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์ของลูก:
- ให้เวลาสำหรับการพูดคุย: คุยกับลูกเกี่ยวกับอารมณ์ และความรู้สึกของเขา แสดงความสนใจ และเข้าใจ.
- ใช้ภาษาของอารมณ์: ช่วยลูกให้เรียนรู้การพูดถึงอารมณ์ของตนเอง และให้มีคำศัพท์ที่เหมาะสมในการแสดงความรู้สึก.
- ใช้สื่อมัลติมีเดีย: สื่อมัลติมีเดียเป็นเครื่องมือที่ดีในการสอน และเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์ ใช้หนังสือเรื่องเด็ก วิดีโอ และแอปพลิเคชันที่เหมาะสมเพื่อช่วยในการพัฒนาทักษะในการรู้สึก และจัดการอารมณ์.
การสร้างพื้นฐานเหล่านี้ช่วยสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับความสุขและการเจริญของลูกในอนาคต การเรียนรู้และจัดการอารมณ์เป็นทักษะที่มีผลในชีวิตทุกด้านและที่สำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพและความสำเร็จของลูกในอนาคต.
บทความแนะนำ : แนะนำ 7 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด เด็กไม่ค่อยพูดทำอย่างไรดี?
3. สอนทักษะการจัดการอารมณ์

การสนับสนุนทักษะในการจัดการอารมณ์ของลูกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยเขาในการรับมือกับอารมณ์อย่างเหมาะสม นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำเพื่อส่งเสริมทักษะในการจัดการอารมณ์ของลูก:
สอนการใช้ท่าที: ช่วยลูกในการรับมือกับอารมณ์โดยสอนให้เขาเรียนรู้ท่าที กล่าวคือการรอสักครู่ก่อนการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น นี้ช่วยให้ลูกมีเวลาสำหรับคิด และไม่ตอบโต้อารมณ์ที่ร้อนแรง.
การใช้ภาษาในการบอกความรู้สึก: สอนลูกให้ใช้ภาษาเพื่อสื่อความรู้สึก และอารมณ์ของตนเองอย่างชัดเจน นี้ช่วยให้เขาสามารถแสดงตัวเอง และขอความสนใจเมื่อต้องการสนับสนุน.
สร้างการเรียนรู้จากประสบการณ์: ส่งเสริมการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เขาสัมผัสโดยอาจให้เขาพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากนั้น นี้ช่วยในการพัฒนาทักษะในการจัดการอารมณ์ของลูก.
ส่งเสริมการเลือกที่: ให้ลูกมีโอกาสเลือก และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ นี้ช่วยในการสร้างความรู้สึกของความควบคุมต่อตนเอง.
การสนับสนุนทักษะในการจัดการอารมณ์ของลูกเป็นการสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับความสุข และการเจริญเติบโตของลูกในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันที่เรียนรู้ และในสถานการณ์ที่ทำให้เขาโกรธ หรือรู้สึกไม่พอใจ.
4. ตั้งตนเป็นตัวอย่าง

การสนับสนุนการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของลูกเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจ และความรักในครอบครัว นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำเพื่อสนับสนุนการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของลูก:
สร้างสภาพแวดล้อมเปิดกว้าง: ให้ลูกรู้ว่าบ้านเป็นสถานที่ที่เขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของเขาได้อย่างเปิดกว้าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม คุณควรเป็นคนที่พร้อมฟัง และที่พร้อมรับฟังความรู้สึกของลูก.
ฟัง และเข้าใจลูก: ให้ลูกรู้ว่าคุณจริงใจ และสนใจที่จะเข้าใจความรู้สึก และอารมณ์ของเขา ฟังลูกโดยให้ความสนใจ และไม่ต้องการที่จะแก้ปัญหา หรือให้คำปรึกษาทันที.
ไม่ตัดสินใจ หรือตอบแทนที่เป็นลบ: อย่าตัดสินใจ หรือตอบแทนที่เป็นลบเมื่อลูกพูดถึงความรู้สึก หรืออารมณ์ของเขา. แทนที่นั้น สนับสนุน และช่วยเขาค้นหาวิธีในการรับมือกับอารมณ์อย่างสร้างสรรค์.
สอนใช้ภาษาเพื่อพูดถึงอารมณ์อย่างชัดเจน: สอนลูกใช้ภาษาเพื่อแสดงความรู้สึก และอารมณ์ของเขาอย่างชัดเจน นี้ช่วยให้เขาสามารถบอกคุณอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เขารู้สึก.
สร้างความเชื่อมั่นในความรัก และความเข้าใจ: ให้ลูกรู้ว่าความรักของคุณสำคัญ และไม่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเขาในขณะนั้น ความเข้าใจ และรักของคุณอยู่เหนือความรู้สึกที่ผ่านการพัฒนา.
ให้ลูกรู้ว่าเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของเขาได้อย่างเปิดกว้างในครอบครัวของเขา: สร้างความมั่นใจให้ลูกรู้ว่าเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของเขาในครอบครัวของเขาได้อย่างเปิดกว้าง นี้ช่วยให้เขาเรียนรู้การจัดการอารมณ์ และเรียนรู้ในกระบวนการ.
การสนับสนุนการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของลูกเป็นการสร้างฐานข้อมูลสำคัญสำหรับความเข้าใจ และความสัมพันธ์ที่แข็งแรงในครอบครัว.
5. การผ่อนคลาย

การให้ลูกผ่อนคลายเมื่อเขาโกรธ หรือรู้สึกไม่พอใจเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลูกจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมของเขา. นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำได้:
ให้ของเล่นที่ช่วยผ่อนคลาย: หากลูกชอบปาข้าวของเขาเพื่อผ่อนคลายหลังจากโกรธหรือรู้สึกไม่พอใจ คุณสามารถให้เขาของเล่นที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ตุ๊กตาผญ หมอนขน หรือของเล่นสุนัขที่นุ่มนวล. นี้ช่วยให้ลูกมีวิธีการผ่อนคลายที่มีประสิทธิภาพ.
สนับสนุนการใช้ท่าที: สอนลูกใช้ท่าทีเพื่อรับมือกับความโกรธ หรือความรู้สึกที่ไม่พอใจ ให้เขารู้ว่าการรอสักครู่ก่อนการตอบสนองสามารถช่วยให้ระดับความโกรธลดลง และช่วยเขาควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น.
ให้เวลาสำหรับการพักผ่อน: หากลูกโกรธหรือรู้สึกไม่พอใจ ให้เขาเวลาสำหรับการพักผ่อน โดยอนุญาตให้เขาไปที่พื้นที่ที่เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” และผ่อนคลายในขณะที่พ่นโรยอารมณ์ของเขา.
สนับสนุนการสนทนาเกี่ยวกับความรู้สึก: สนับสนุนลูกให้พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก และอารมณ์ของเขา โดยให้เขาพูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาโกรธ หรือรู้สึกไม่พอใจ นี้ช่วยให้เขารู้วิธีการจัดการอารมณ์ของตนเอง.
คุยให้ลูกเข้าใจ: คุยกับลูกเกี่ยวกับทางเลือกในการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมในสถานการณ์ที่ทำให้เขาโกรธ หรือรู้สึกไม่พอใจ สนับสนุนการคิดเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขที่ไม่ใช่การปาข้าว.
การสนับสนุนลูกในการผ่อนคลายเมื่อเขาโกรธ หรือรู้สึกไม่พอใจเป็นวิธีที่ดีในการช่วยลูกในการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมของเขา.
6. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

การหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็ก เช่น จิตแพทย์เด็ก หรือนักจิตวิทยาเด็ก เป็นการทำสถานการณ์ที่เป็นสิ่งสำคัญเมื่อปัญหายุ่งยาก และลูกไม่แสดงการดีขึ้น นี่คือเหตุผลที่คุณควรค้นหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ:
ความเชี่ยวชาญ: ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็กมีความรู้ และประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของเด็ก และการจัดการอารมณ์ พวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก และสามารถให้คำปรึกษา ในการแก้ไขปัญหา.
การปรับปรุงการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรม: ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถช่วยวิเคราะห์ปัญหา และระบุกลไก หรือเทคนิคการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมที่เหมาะสมสำหรับลูกของคุณ.
การวางแผน และกำหนดเป้าหมาย: ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยกำหนดเป้าหมาย และสร้างแผนการที่ใช้ในการปรับปรุงการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมของลูก.
การสร้างความร่วมมือ: ผู้เชี่ยวชาญสามารถเชื่อมโยงกับลูกของคุณ และทำงานร่วมกันกับคุณเพื่อให้ลูกได้รับการสนับสนุน และปรับปรุงการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมอย่างเต็มรูปแบบ.
การให้คำปรึกษา และสนับสนุนครอบครัว: ผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำปรึกษา และสนับสนุนครอบครัวของคุณในการรับมือกับปัญหา และปรับปรุงสถานการณ์.
การหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็กเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการช่วยลูกของคุณพร้อมสำหรับการปรับปรุงการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมของเขาและในการหาทางแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ.
สรุป
การจัดการกับลูกที่ชอบโยนของเวลาโกรธ และปาข้าวของเป็นสิ่งสำคัญเพื่อพัฒนาทักษะการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมที่เหมาะสม. ความเข้าใจ และการสนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้. คุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สอนทักษะการจัดการอารมณ์ สนับสนุนการสนทนาเกี่ยวกับความรู้สึกของลูก ตั้งตนเป็นตัวอย่างที่ดี ใช้การตรวจสอบ และควบคุมเพื่อสร้างการเรียนรู้ และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น. ด้วยขั้นตอน และการสนับสนุนที่เหมาะสม ครอบครัวสามารถช่วยลูกในการเรียนรู้วิธีการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมอย่างสมบูรณ์.