อาการแพ้ท้อง สัปดาห์แรกของคุณแม่ตั้งครรภ์ รับมืออย่างไรดี สัปดาห์แรก

อาการแพ้ท้อง สัปดาห์แรกของคุณแม่ตั้งครรภ์ รับมืออย่างไรดี

คุณแม่ท้องใหม่ทุกคนต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้องในระยะแรกของการตั้งครรภ์ อาการเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายหรือรำคาญ แต่อย่างไรก็ตาม คุณสามารถรับมือกับอาการแพ้ท้องในสัปดาห์แรกได้อย่างง่ายดาย โดยปฏิบัติตามเคล็ดลับ และข้อแนะนำในบทความนี้

บทความแนะนำ : รวม 10 ครีมทาผิว คนท้องใช้ได้ สูตรอ่อนโยน สำหรับผิวกาย 2023

first-stage-of-pregnancy

อาการแพ้ท้อง สัปดาห์แรกของคุณแม่ตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง ?

1. อาการอ่อนเพลีย

อาการอ่อนเพลียเป็นหนึ่งในอาการที่แสดงถึงคุณแม่ท้องที่มีแพ้ท้องแล้ว อาการอ่อนเพลียจะทำให้คุณรู้สึกต่อเนื่องว่าตัวเองมีพลังงานน้อยลง อาการนี้สามารถรับมือได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอแ ละรับประทานอาหารที่เพิ่มพลังงานเพื่อช่วยกระตุ้นร่างกาย

การพักผ่อนเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ท้องควรให้ความสำคัญ เพราะพักผ่อนเพียงพอช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงาน และฟื้นฟูอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากการแพ้ท้องได้

Pregnancy-itching

2. อาการคัน

3. อาการคลื่นไส้ และอาเจียน

คันบริเวณผิวหนังเป็นอีกอาการที่น่ารำคาญสำหรับคุณแม่ท้องที่มีแพ้ท้อง คันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณที่รับผิดชอบของอาการแพ้อาหาร เช่น ผิวหนังบริเวณท้อง และบริเวณที่ไม่ได้มีผลต่อการแสดงอาการแพ้ท้อง เช่น ข้อศอก ข้อเท้า และศีรษะ อาการคันมักเกิดรุนแรงในช่วงเย็น หรือกลางคืน ทำให้คุณแม่มีความรู้สึกอึดอัด และไม่สบายใจ

วิธีการลดอาการคันหลังมีการแพ้ท้องนั้น คือ การรักษาผิวหนังให้เป็นสุขภาพด้วยวิธีที่เหมาะสม คุณแม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้นเป็นอันดับแรกเสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไร้สารเคมี และส่งผลข้างเคียงน้อยที่สุด

ในกรณีที่คันมีความรุนแรง และไม่หายไปตามปกติ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสม อีกทั้งคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้อากาศต่างๆ เช่น ฝุ่น ควัน และสารเคมี เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ท้องอีกครั้งในอนาคต

บทความแนะนำ : วิธีรักษา ผื่นคนท้องอ่อนๆ คันตามตัว รักษายังไง?

อาการคลื่นไส้ และอาเจียนเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า หรือเวลาที่คุณแม่ยังไม่ได้รับประทานอาหารให้เพียงพอในตอนเช้าวันนั้น ผลที่เกิดจากคลื่นไส้ และอาเจียนมักจะทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย และลดความสุขในการใช้ชีวิตประจำวันไป

วิธีการรับมือกับอาการคลื่นไส้และอาเจียนในสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และลดพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการ ซึ่งสามารถเลือกปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเช้าได้ โดยควรเลือกธัญพืชที่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น นม, ผลไม้, และเมล็ดธัญพืช เพื่อให้ได้สารอาหารที่สำคัญและพลังงานสูง

nausea-and-vomiting-of-pregnant-women

4. การแพ้อาหาร

การแพ้อาหารเป็นอาการที่น่ารำคาญ และสามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ อาการนี้เกิดจากการตอบสนองผิดปกติของร่างกายต่อสารอาหารที่กินเข้าไป ความแพ้อาหารส่วนใหญ่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ และสามารถทำให้คุณแม่รู้สึกอาการแสบบริเวณปากเปื่อย คันในลิ้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพ้อาหาร

การแพ้อาหารในช่วงต้นครรภ์อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในร่างกายของคนท้องอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสียบางส่วน ถ้าคุณ หรือคนในครอบครัวมีประวัติการแพ้อาหารก็มีโอกาสเสี่ยงเกิดอาการแพ้อาหารขณะตั้งครรภ์ได้เช่นกัน , ผลข้างเคียงจากยา , ปัจจัยสภาพแวดล้อม เป็นต้น

Symptoms-of-breast-congestion-in-pregnant-women

5. อาการคัดเต้านม

ในช่วงต้นครรภ์ 1 สัปดาห์แรก สามารถสังเกตเรื่องเต้านม และหัวนมมีการเปลี่ยนแปลงได้ เต้านมอาจมีอาการบวมเปราะบาง อ่อนไหวง่าย และรู้สึกเสียวแปร้บที่หัวนมอาจเริ่มมีการคัดเต้านม เป็นส่วนของกระบวนการการเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงลูก มีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น การคล้ำของบริเวณรอบหัวนม การขยายของหัวนม และความรู้สึกตุ่มเล็ก ๆ บริเวณรอบหัวนม ก็อาจเป็นที่สังเกตได้ ทั้งนี้อาการเหล่านี้เป็นส่วนของการปรับตัวของร่างกาย และไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ให้กังวลมาก. ถ้าคุณมีข้อกังวล หรือคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับเต้านมของคุณ, ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลซึ่งจะสามารถให้คำแนะนำ และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และการดูแลสุขภาพของคุณ และทารกในครรภ์.

6. ปวดหน่วงท้องน้อย

ปวดหน่วงท้องน้อยในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นอาการที่พบได้บ่อย และเป็นสิ่งปกติ มักเกิดขึ้นเมื่อมดลูกขยายตัวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของลูกน้อย. อาการนี้อาจมีลักษณะเป็นปวดหน่วง ๆ, ปวดค่อย ๆ,  หรือปวดเฉียบพลัน มักไม่รุนแรงเท่าที่พบในการมีครรภ์ในช่วงต้น. ปวดท้องน้อยในระหว่างการตั้งครรภ์ในส่วนมากไม่ได้เป็นอันตราย และมักหายไปเอง หรือลดลงเมื่อคุณพักผ่อน หรือเปลี่ยนท่าที. อย่างไรก็ตาม, หากคุณมีปวดท้องน้อยร่วมกับอาการอื่น เช่น การขาดการรู้สึกเหมือนมีจุดร้อนบนท้อง, ปวดท้องเพิ่มขึ้น, ปวดท้องรุนแรง, หรือมีอาการเลือดออก, ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคำแนะนำ และการประเมินเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์.

Pregnancy-symptoms

7. เลือดออกกะปริดกะปรอย

เลือดล้างหน้าเด็กมักเป็นเลือดจำนวนเล็กมาก และออกมาในระยะเวลาสั้นๆ และมักมีสีคล้ำหรือสีแดงอ่อน อาการนี้มักเกิดขึ้นในช่วง 10-14 วัน หลังจากการปฏิสนธิ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาจเป็นสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน.

เลือดล้างหน้าเด็กไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเฉพาะทางในส่วนมาก และเลือดจะหยุดไหลไปเองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม, หากคุณมีข้อกังวลหรืออาการรุนแรงอื่น ๆ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพของคุณและการตั้งครรภ์ของคุณเพิ่มเติม.

8. ปัสสาวะบ่อย

การปัสสาวะบ่อยเป็นอาการที่พบได้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การขยายตัวของมดลูกระหว่างการตั้งครรภ์ อาจกดทับอยู่ใกล้เคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ที่ส่งผลให้การปัสสาวะบ่อยมากขึ้น. ดังนั้น การปัสสาวะบ่อยขณะตั้งครรภ์ถือเป็นสิ่งปกติและมักจะลดลงหลังจากช่วงต้นการตั้งครรภ์.

9. อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง

การเพิ่มอุณหภูมิร่างกายในช่วงตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ และเกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบร่างกายเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์และการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่มการเลือดและการปรับเปลี่ยนระบบต่าง ๆ เพื่อรองรับการตั้งครรภ์. ควรดื่มน้ำเพียงพอและพักผ่อนเพียงพอเพื่อช่วยลดอาการไม่สบายที่เกิดขึ้น.

10. ตกขาวคนท้องมีมากกว่าปกติ

การตกขาวคนท้องเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในผู้หญิงที่ตั้งท้อง ตกขาวจะเพิ่มขึ้นเมื่อตั้งครรภ์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นมูกใส สีขาวขุ่น คล้ายแป้งเปียก และไม่มีกลิ่น แต่ถ้ามีอาการผิดปกตินอกจากนี้ เช่น มีกลิ่น มีอาการคัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำและการปรึกษาเพิ่มเติม.

สรุป

การแพ้ท้องในสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องเผชิญอยู่ อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย และมีผลกระทบต่อคุณทั้งร่างกาย และจิตใจ แต่อย่างไรก็ตาม มีเทคนิค และวิธีรับมือที่คุณสามารถปฏิบัติตามได้เพื่อผ่านพ้นการแพ้ท้องในสัปดาห์แรกของคุณแม่ท้องไปได้อย่างสบายใจ

การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการรับประทานอาหารที่เพิ่มพลังงานสามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลีย และคลื่นไส้ในสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ได้

การรักษาผิวหนังให้เหมาะสมและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง รวมถึงการเลือกอาหารที่ไม่ต้องกังวลว่าอาจทำให้เกิดการแพ้ท้องได้อีกด้วย

นอกจากนี้ การดื่มน้ำเพียงพอและการรับประทานวิตามิน และเสริมอาหารที่เหมาะสมยังเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรใส่ใจเพื่อลดการแพ้ท้องในช่วงแรกของการตั้งครรภ์

บทความแนะนำ : เตรียมห้องนอนทารกแรกเกิด จัดอย่างไรดี ควรมีอะไรบ้าง ?

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Shopping Cart
preloader