คาร์ซีทคืออะไร? มีกี่แบบ?

คาร์ซีทคืออะไร? มีกี่แบบ? เลือกอย่างไร สำหรับเด็กโตและเด็กแรกเกิด

ในบทความนี้จะพูดถึงเกี่ยวกับคาร์ซีทคืออะไร มีกี่แบบ และควรเลือกแบบไหนสำหรับเด็กโตและเด็กแรกเกิด

คาร์ซีท(Car Seat)คืออะไร ?

อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองเด็กขณะเดินทางโดยรถยนต์ หลักการใช้คือเพื่อรักษาความปลอดภัยของเด็กในกรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินหรือการเบรกชะลอในระหว่างการเดินทาง

การใช้ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของเด็กในรถยนต์ โดยต้องใช้ให้เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็ก และติดตั้งการใช้งานอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิตและมาตรฐานที่กำหนด

ซึ่งมีหลายแบบตามความต้องการและอายุของเด็ก รวมถึงสำหรับเด็กแรกเกิดถึงสำหรับเด็กโต มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใช้งานได้ตามความเหมาะสมในการเลือกให้สำหรับเด็ก ควรพิจารณาความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความเหมาะสมตามอายุและน้ำหนักของเด็ก

(source: ABCTHEBABYwikipedia, healthychildren).

คาร์ซีทคืออะไร? มีกี่แบบ? เลือกอย่างไร สำหรับเด็กโตและเด็กแรกเกิด carseat

เหตุผลที่ควรต้องมีติดรถยนต์

เพื่อความปลอดภัยขณะเดินทางในรถยนต์ นี่คือเหตุผลที่ควรใช้งาน:

  1. ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บร้าวแรงในกรณีเกิดอุบัติเหตุการเบรกที่รุนแรง โดยจะช่วยยึดเด็ก และการปรับเปลี่ยนท่าทางที่เหมาะสมเมื่อเกิดการชนกัน นอกจากนี้ ยังช่วยกระจายแรงกระแทกได้ดีกว่าการคาดเข็มขัดของรถยนต์เพียงอย่างเดียว

  2. การรักษาท่าทางที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บในส่วนของคอร่างกายและส่วนอื่น ๆ ของเด็ก

  3. ช่วยในการป้องกันเด็กจากการหลุดออกขณะรถยนต์เคลื่อนที่ โดยมีระบบรัดแน่นหรือสายรัดที่ช่วยให้เด็กยึดติดได้อย่างปลอดภัย นี่ช่วยให้เด็กมีความมั่นคงและปลอดภัยในรถยนต์

การใช้งานที่เหมาะสมและถูกต้องจะช่วยให้เด็กได้รับความปลอดภัยสูงสุดในรถยนต์ และเป็นการปฏิบัติที่สำคัญตามกฎหมายในหลายประเทศ จึงควรใช้ให้เหมาะสมสำหรับอายุและขนาดของเด็กและติดตามคำแนะนำและกฎหมายท้องถิ่นที่ใช้บังคับ

(source:jarrons).

คาร์ซีท และเบาะนั่งเด็กแตกต่างกันหรือไม่ ?

องค์ประกอบที่ใช้ในรถยนต์เพื่อให้เด็กได้รับการยึดติดและความปลอดภัยในระหว่างการเดินทาง แต่มีความแตกต่างกันดังนี้:

  1. คาร์ซีท (Car Seat):

    • เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กได้รับการยึดติดและความปลอดภัยในรถยนต์ โดยมีระบบการรัดแน่นและคานปรับสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งมีหลายแบบตามช่วงอายุและน้ำหนักของเด็ก เช่น แบบหันหน้าเข้าหาเบาะสำหรับทารกแรกเกิด และแบบหันไปด้านหน้าสำหรับเด็กที่ใหญ่ขึ้น
    • มีระบบรัดแน่นหรือสายรัดเพื่อให้เด็กสามารถยึดติดได้อย่างเข้ากับร่างกาย และเครื่องรัดแน่นที่ถูกติดตั้งในรถยนต์ เช่น เข็มขัดรัดที่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้
  2. เบาะนั่งเด็ก (Booster Seat):

    • เบาะนั่งเด็กเป็นเบาะที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กที่มีอายุและความสูงเพียงพอสามารถใช้ร่วมกับเข็มขัดของรถยนต์เพื่อเพิ่มความสูงและช่วยให้เข็มขัดรัดติดกับเด็กได้อย่างถูกต้อง
    • เบาะนั่งเด็กไม่มีระบบรัดแน่นหรือสายรัดเพิ่มเติม เพราะหน้าที่หลักคือเพิ่มความสูงเท่านั้น เบาะนั่งเด็กจะใช้ร่วมกับเข็มขัดของรถยนต์เพื่อให้เด็กยึดติดและใช้เข็มขัดรัดให้ถูกต้อง

ดังนั้น ความแตกต่างกันในรูปแบบการยึดติดและความปลอดภัยที่สอดคล้องกับอายุและขนาดของเด็กคุณควรเลือกใช้ที่เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็ก และเมื่อเด็กโตขึ้นเพียงพอคุณสามารถเปลี่ยนเป็นเบาะนั่งเด็กที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กได้รับความปลอดภัยในรถยนต์(source:verywellfamilyautos.).

ควรเลือกอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับการใช้งาน ?

การเลือกที่เหมาะสมสำหรับเด็กมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีผลต่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของเด็ก ดังนั้น นี่คือบางปัจจัยที่ควรพิจารณา:

  1.  การออกแบบตามกลุ่มอายุและน้ำหนักของเด็ก อาจมีสำหรับทารกแรกเกิด (infant car seat) หรือสำหรับเด็กที่มีอายุมากขึ้น (convertible car seat) ต้องตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานที่สามารถรองรับได้ในแต่ละรุ่นด้วย

  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐานของหน่วยงานความปลอดภัยในรถยนต์ของประเทศที่คุณใช้ อย่างเช่น มาตรฐานไทยหรือมาตรฐานความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา (FMVSS)

  3. มีระบบการติดตั้งที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ เช่น มีระบบริวแอนคลิป (LATCH) หรือระบบยึดด้วยเข็มขัดที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ

  4. มีระบบปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งและระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น มีแนวที่สามารถปรับได้ให้เหมาะสม และมีระบบรักษาความปลอดภัยเชิงลึกเพิ่มเติม เช่น สายรัดคาดเข่าและสายรัดหน้าอก

  5. มีคุณสมบัติที่ช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกสบาย เช่น ระบบปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งสามารถเปิด-ปิดได้ง่าย เป็นต้น

แนวทางทั่วไปในการเลือกให้เหมาะสมสำหรับเด็ก

ประเภทของคาร์ซีท (Car Seat)

การเลือกที่เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็กเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เด็กมีความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถยนต์ แต่ละประเภทมีความเหมาะสมในการใช้งานตามช่วงอายุและน้ำหนักของเด็ก ดังนั้น ควรรู้จักและเลือกใช้ที่เหมาะสมสำหรับเด็กในแต่ละช่วงอายุ

ประกอบไปด้วย 3 ประเภท ได้แก่

ประเภทเหมาะสมสำหรับเด็กอายุ
Rear-facingน้อยกว่า 10 กิโลกรัม
Forward-facingตั้งแต่ 9 กิโลกรัมขึ้นไป
Booster Seatตั้งแต่ 4-12 ปี

การเลือกที่เหมาะสมสำหรับเด็กต้องดูจากอายุและน้ำหนักของเด็ก โดยละเอียด แต่ละประเภทจะมีลักษณะและขนาดที่ต่างกัน 

1.ประเภท Rear-facing

มีลักษณะตั้งตรงกันข้ามกับทิศทางของการเดินทาง กล่าวคือ เด็กจะหันหน้าไปทางหลังรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันการกระเด็นกับพื้นผิวหน้ารถ โดยเฉพาะเมื่อชนกัน

คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rearward-facing baby seat)

2. ประเภท Forward-facing

หมายถึงเบาะนั่งที่วางอยู่หันหน้าไปทางหน้าของรถ ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 9 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งเด็กที่มีอายุประมาณ 1-4 ปีสามารถใช้งานเบาะนั่งเด็กแบบนี้ได้

ประเภท Forward-facing มีสายคล้องแขนสำหรับผู้ใช้งานรักษาเด็กให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และสามารถปรับระดับความสูงได้ตามความต้องการ ส่วนของเบาะจะมีปลั๊กแม่เหล็กทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งเบาะนั่งเด็กให้แน่นหนาและมั่นคงกับรถยนต์ได้

การใช้งานและประโยชน์ของประเภท Forward-facing

การใช้งานประเภท Forward-facing จะช่วยให้เด็กมีความสะดวกสบายมากขึ้นในขณะที่เดินทางในรถ รวมถึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือชนกันในขณะเดินทางด้วยรถยนต์ ประเภทนี้สามารถปรับเปลี่ยนและสลับไปมาระหว่าง Forward-facing และ Rear-facing ได้ กล่าวคือ สามารถใช้งานได้หลายแบบ ซึ่งตอบสนองความต้องการและเหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็กได้

คาร์ซีทแบบหันไปด้านหน้ารถ (Forward-facing child seat)

3. ประเภท Booster Seat

ออกแบบมาเพื่อรองรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4-12 ปี หรือมีน้ำหนักประมาณ 15-36 กิโลกรัม เป็นเบาะนั่งที่ช่วยเพิ่มความสูงของเด็กจนสามารถใช้เข้ากับเข็มขัดของรถได้ และยังช่วยปรับเสริมความเข้ากับเข็มขัดของเด็กเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ประเภท Booster Seat แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

ประเภทลักษณะการใช้งาน
High-back Booster Seatมีพนักหัวที่สูงกว่าเบาะนั่งปกติเหมาะสำหรับเด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 4 ฟุต 9 นิ้ว
Backless Booster Seatเป็นเบาะนั่งที่มีเพียงที่รองนั่งเหมาะสำหรับเด็กที่มีความสูงตั้งแต่ 4 ฟุต 9 นิ้วขึ้นไป

การใช้งานประเภท Booster Seat ให้ตั้งบนเบาะนั่งปกติของรถ ให้เชื่อมต่อเข้ากับเข็มขัดของรถเพื่อรักษาความปลอดภัยของเด็ก สำหรับประเภท High-back Booster Seat จะมีให้ปรับเปลี่ยนความสูงและความลึกของพนักพิงหัวให้สามารถใช้งานได้หลากหลายจุดตามขนาดของเด็ก

ประเภท Booster Seat เป็นเบาะนั่งที่ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย และเป็นที่นิยมใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะกับเด็กที่มีน้ำหนักและความสูงเพิ่มขึ้น โดยเด็กแต่ละกลุ่มจะมีเบาะนั่งที่เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็ก

คาร์ซีทแบบผสม (Combination seat)

การเลือกใช้งานสำหรับเด็กแรกเกิด

เลือกใช้งานสำหรับเด็กแรกเกิดนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เด็กได้รับความปลอดภัยระหว่างการเดินทางในรถยนต์ ดังนั้นควรคำนึงถึงข้อดีต่อไปนี้:

  1. แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rearward-facing): เนื่องจากมีประโยชน์ในการป้องกันการบาดเจ็บบริเวณคอและหลังของเด็กเมื่อเกิดการชนหรือความเสี่ยงจากเบาะรถ

  2. ขนาดและน้ำหนัก: เลือกที่มีขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับเด็กแรกเกิด เพื่อให้เข้ากับร่างกายของเด็กและมั่นใจได้ว่าคาร์ซีทสามารถรองรับน้ำหนักและความยาวของเด็กได้อย่างเหมาะสม

  3. มาตรฐานความปลอดภัย:  เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของการขับขี่เด็กและเด็กแรกเกิด (CRS) หรือมาตรฐานขององค์กรที่เชื่อถือได้

  4. ระบบการติดตั้ง: ตรวจสอบระบบติดตั้งที่เหมาะสมกับรถของคุณ เช่น การใช้เข็มขัดหรือระบบ LATCH (Lower Anchors and Tethers for Children) เพื่อให้สามารถติดตั้งและรักษาความปลอดภัยได้อย่างถูกต้อง

  5. ความสะดวกสบาย: มีคุณสมบัติที่ทำให้เด็กสบายและสะดวกต่อการใช้งาน เช่น การปรับรอบคอและตัวรองรับระดับความสูง

  6. สามารถปรับขนาด: เลือกที่สามารถปรับขนาดได้เพื่อให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของเด็กซึ่งจะมีประโยชน์ในระยะยาว

  7. การรีวิวและความเชื่อถือ: ศึกษาและอ่านรีวิวเกี่ยวกับยี่ห้อต่าง ๆ เพื่อให้คุณเข้าใจถึงความเชื่อถือของแบรนด์และประสบการณ์การใช้งานจากผู้ใช้งานคนอื่น

  8. ราคา: กำหนดงบประมาณสำหรับการซื้อควรเน้นความปลอดภัยและคุณภาพโดยไม่เสียเรื่องราคา

ควรจำไว้ว่าเป้าหมายสำคัญคือการเลือกซื้อที่มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับเด็กของคุณในขณะที่เดินทางในรถยนต์

การเลือกใช้งานสำหรับเด็กโต

ควรเลือกที่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับน้ำหนักและสูงพอที่จะสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ นอกจากนี้ ควรมีเบาะที่สูงพอที่จะรองรับเข่าของเด็กโต และมีเข็มขัดที่สามารถปรับได้ สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักมากกว่า 18 กิโลกรัม ควรเลือกที่มีเบาะที่กว้างพอที่จะรองรับขนาดของเด็ก

ขนาด

เลือกที่เหมาะสมขนาดกับเด็ก ไม่ควรเลือกที่มีขนาดเล็กเกินไป หรือใหญ่เกินไป เพราะอาจทำให้ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและร่างกายของเด็ก

ความปลอดภัย

ควรเลือกที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น มาตรฐานการผลิตและการทดสอบความปลอดภัย ควรเช็คหาข้อมูลจากผู้ผลิตหรือเว็บไซต์ของภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินความปลอดภัย

ความสะดวกสบาย

การปรับระดับความสูงได้ตามขนาดของเด็ก และลักษณะใช้งานที่สะดวกสบายสำหรับเด็ก

ความทนทาน

ควรเลือกที่ทนทาน และทนต่อการใช้งานตามปกติ เพื่อให้ท่านนำไปใช้ได้ในระยะยาว

การติดตั้งและใช้งาน

ควรเลือกที่ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน โดยควรติดตั้งตามคำแนะนำของผู้ผลิต และพิจารณาตัวเลือกที่อำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งาน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้งานสำหรับเด็กโต

โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับเด็กโตมากกว่าเด็กแรกเกิด เนื่องจากเด็กโตมีน้ำหนักมากกว่าและสามารถติดตั้งได้สะดวกขึ้น เพื่อให้เลือกได้อย่างถูกต้อง ควรตระหนักถึงข้อเสียซึ่งอาจเกิดขึ้นได้

  • เสียงดังเกินไปอาจส่งผลต่อการฟังของเด็ก
  • การติดตั้งที่ผิดพลาดอาจทำให้เกิดการเกิดอุบัติเหตุในรถยนต์
  • ควรเลือกคาร์ซีทที่มีกำลังขับที่ไม่เกินความต้องการของรถยนต์
Car Seat

การเลือกตามอายุและน้ำหนัก

การเลือกที่เหมาะสมตามอายุและน้ำหนักของเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวควรให้ความสำคัญ เพื่อให้เด็กมีความปลอดภัยในรถยนต์อย่างสูงสุด ดังนั้นการเลือกเบาะนั่งเด็กต้องทำอย่างรอบคอบ โดยควรใช้ที่เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็กการเลือกตามช่วงอายุและน้ำหนักถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเบาะนั่งเด็กแต่ละช่วงอายุจะมีขนาดและความต้องการที่แตกต่างกันไป

ตารางต่อไปนี้จะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเบาะนั่งเด็กที่เหมาะสมตามอายุและน้ำหนักของเด็ก

ช่วงอายุน้ำหนักของเด็กประเภท
น้อยกว่า 1 ปีน้อยกว่า 9 กิโลกรัมRear-facing
1-4 ปี9-18 กิโลกรัมForward-facing
4-12 ปี18-36 กิโลกรัมBooster Seat

คำแนะนำในการใช้งาน

การเลือกและติดตั้งให้ถูกต้อง โดยคุณควรเลือกที่เหมาะสมสำหรับเด็กของคุณตามอายุและน้ำหนักของเด็ก นอกจากนี้คุณยังควรติดตั้งให้ถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิต และต้องตรวจสอบความปลอดภัยของอย่างสม่ำเสมอ

  1. เลือกที่เหมาะสมตามอายุและขนาดของเด็ก ตรวจสอบความเหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็กก่อนการซื้อหรือการเช่า แนะนำให้อ่านคู่มือผู้ใช้และคำแนะนำการติดตั้งอย่างละเอียด

  2. อ่านคู่มือผู้ใช้หรือคำแนะนำการติดตั้งอย่างละเอียดและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด แนะนำให้ติดตั้งในที่นั่งหลังของรถยนต์และสายรัดให้แน่น

  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าถูกติดตั้งอย่างแน่นหนาและมีการยึดติดที่ถูกต้องกับเข็มขัดของรถยนต์ ตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานและอย่าใช้ที่มีสภาพที่เสื่อมสภาพหรือชำรุด

  4. ปรับให้สูงพอดีที่รอบคอและหลังศอกของเด็ก และให้ระยะห่างระหว่างคาร์ซีทกับพื้นรถยนต์เหมาะสม

  5. ไม่ว่าจะเดินทางในระยะสั้นหรือยาวให้ใช้งานตลอดเวลา อย่างเคร่งครัดตามกฎหมายและคำแนะนำของผู้ผลิต

  6. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เด็กต้องใช้รวมถึงเวลาหยุดพักเพื่อให้เด็กได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม

  7. อธิบายและสอนเด็กเกี่ยวกับการใช้และความสำคัญอย่างถูกต้อง เป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กเห็นและให้คำแนะนำในการใช้งานให้เหมาะสม

  8. ตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสภาพที่เสื่อมสภาพหรือชำรุด เช่น สายรัดหรืออุปกรณ์ความปลอดภัยที่หลุดหรือเสื่อมสภาพ

  9. ทราบกฎหมายและข้อกำหนดท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน เช่น อายุที่กำหนด

การใช้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เด็กได้รับความปลอดภัยในรถยนต์ และในกรณีที่มีคำถามหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับการติดตั้งหรือการใช้งาน แนะนำให้ปรึกษาคำแนะนำจากผู้ผลิตหรือติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือเพิ่มเติม

sit-in-car-seat

การดูแลรักษา

การดูแลรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เด็กมีความปลอดภัยสูงสุดในรถยนต์ โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในทางการจราจร ดังนั้น ผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญและควรระมัดระวังในการดูแลรักษา

  1. อ่านและปฏิบัติตามคู่มือผู้ใช้เน้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

  2. ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อล้างสิ่งสกปรกและฝุ่นที่อาจสะสมอยู่ ใช้ผ้านุ่มหรือเครื่องดูดฝุ่นเพื่อเก็บความสะอาด

  3. ตรวจสอบเป็นประจำเพื่อตระหนักถึงสภาพที่มีอาการสึกหรอหรือชำรุด ตรวจสอบสายรัดหรืออุปกรณ์ความปลอดภัยว่ายังใช้งานได้อยู่หรือไม่

  4. หลีกเลี่ยงการวางในที่ที่อุณหภูมิสูงเช่นในรถที่อากาศร้อนจัด เนื่องจากอุณหภูมิสูงอาจทำให้วัสดุเสียหาย

  5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังคงมีความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด ไม่มีสภาพที่เสื่อมสภาพหรือชำรุด และไม่มีส่วนประกอบที่หลุดหรือเสื่อมสภาพ

  6. จัดเก็บในที่ที่แห้งและมีอุณหภูมิเหมาะสม หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีแสงแดดตรง หรือที่มีความชื้นสูง

  7. หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการดูแลรักษาแนะนำให้ติดต่อผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือเพิ่มเติม

การดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ใช้งานได้นานและมีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุในรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ยึดมั่นในการทำความสะอาดและการตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้เด็กของคุณเดินทางอย่างปลอดภัยทุกครั้ง

FAQs

ควรเปลี่ยนเป็นประเภทต่างๆ เมื่อเด็กโตขึ้น โดยตัวเลือกขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของเด็ก ดังนั้น อย่างน้อยเด็กจะต้องใช้เบาะนั่งเด็ก (Car Seat) ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามอายุและน้ำหนักของเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา จนกระทั่งเด็กโตเพียงพอที่จะใช้เข้าในเข็มขัดของรถยนต์โดยตรง

ต้องติดตั้งในที่ติดตั้งเข็มขัดของรถยนต์ โดยต้องติดตั้งบนที่นั่งหลังของรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุน้อยที่สุด ซึ่งก็คือที่นั่งหลังของรถยนต์ สำหรับเบาะนั่งเด็กประเภท Rear-facing จะต้องติดตั้งบนที่นั่งหลังพิเศษที่วางอยู่กลางของรถยนต์ ซึ่งเป็นเพื่อให้เด็กปลอดภัยมากขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

เมื่อเด็กโตขึ้นแล้ว จะต้องแยกเบาะนั่งเด็กออกจากรถยนต์และเปลี่ยนเป็นเข็มขัดของรถยนต์ตามปกติ ซึ่งสามารถใช้ได้เมื่อเด็กมีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ควรให้เด็กนั่งบนเบาะนั่งเด็ก (Car Seat) จนกว่าจะได้ใช้เข็มขัดของรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย

เบาะนั่งเด็ก (Car Seat) สามารถใช้งานได้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อ แต่ด้วยความหลากหลายของรถยนต์มีความแตกต่างกันไปในการใช้งานในบางกรณี ซึ่งอาจทำให้บางรุ่นไม่สามารถใช้งานได้กับรถยนต์บางยี่ห้อ ดังนั้น ควรตรวจสอบว่าที่ใช้เหมาะสมกับรถยนต์ที่ใช้งานอยู่หรือไม่

ข้อมูลอ้างอิง

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Shopping Cart
preloader