การคลอดบุตรเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตของผู้หญิง โดยจะมีสัญญาณบอกให้เห็นว่าเวลาใกล้คลอดกำลังเข้ามา ซึ่งการรู้จักและสังเกตอาการเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่และครอบครัวเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการคลอดอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนใหญ่จะแสดงออกมาผ่านหลายๆ สัญญาณต่างๆ ซึ่งต้องรู้จักและสังเกตอย่างถูกต้อง เพื่อตั้งความพร้อมในการคลอดอย่างเต็มที่

สัญญานเตือนอาการใกล้คลอด
1.การปวดท้องคลอด

การปวดท้องเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเวลาใกล้คลอดกำลังเข้ามา โดยพบบ่อยที่สุดในช่วง 37-42 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ อาการปวดท้องจะมีความเจ็บตั้งแต่ระดับสะโพกขึ้นไป และอาจมีการปวดแบบฉุกเฉิน โดยอาการทุกคนจะไม่เหมือนกันตามระยะการทำงานของร่างกายแต่ละคน
2.การเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย

การเปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายเป็นสัญญาณเตือนอีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าใกล้ถึงเวลาคลอดแล้วเป็นสิ่งที่อยู่ในข้อความเสมอที่กล่าวถึงเรื่องการตั้งครรภ์และการคลอด อาจมีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าคุณแม่ใกล้คลอดแล้ว ซึ่งรวมถึง:
อาการท้องเหยียด: อาจมีความรู้สึกเหมือนเมื่อท้องเสีย หรือเกิดอาการปวดท้องบ่อยขึ้น
การขับถ่ายบ่อยขึ้น: อาจมีการขับถ่ายบ่อยขึ้นหรืออาจมีอาการท้องร่วง
การหลุดหลงของเลือด: อาจมีการหลุดหลงของเลือดออกมาเล็กน้อย
การปรับตัวของลูกน้อย: ลูกน้อยอาจมีการปรับตัวหมุนหรือเคลื่อนไหวบ่อยขึ้น
อาการซึมเศร้า: อาจมีอาการรู้สึกเศร้าหรือหดหู่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์
ความอยากอาหาร: อาจมีความอยากอาหารหรือการอาเจียน
การเปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายและอาการอื่นๆ ที่กล่าวถึงเป็นสิ่งที่พบบ่อยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ แต่ควรทราบว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นก่อนการคลอดก็ได้
3. อาการคลำท้อง

การคลำหน้าท้องเป็นอาการที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นสัญญาณให้รู้ว่าคุณแม่ใกล้คลอดแล้ว อาการนี้เกิดจากการอักเสบของภายในมดลูกซึ่งเป็นสาเหตุของการรู้สึกความแข็งช่วงท้องและการสัมผัสช่องคลอดที่มีการขยายเพิ่มขึ้น
การคลำหน้าท้องส่วนใหญ่เกิดขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ และมักเกิดก่อนหน้าการเกิดคลอด อาจเกิดเป็นช่วงเวลาไม่กี่นาที หรืออาจเกิดเป็นช่วงเวลาหลายชั่วโมงก่อนที่คลอดจะเกิดขึ้น
อาการคลำหน้าท้องสามารถแสดงอย่างแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาจมีการรู้สึกว่ามีความตึงเครียดหรือเจ็บแน่นที่ท้องขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจงหรือบริเวณทั่วทั้งท้อง อาจมีอาการคลำหน้าท้องซ้ำหลายครั้ง หรือคลำหน้าท้องเพียงครั้งเดียวหรือติดต่อกัน
4. อาการหอบเข้า

อาการหอบเข้าเป็นอีกอาการที่เกิดขึ้นก่อนการคลอดเกิดขึ้น อาการนี้เกิดจากการอักเสบของระบบการเจริญพันธุ์หรือการเข้าสังคมของลูกน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณแม่อาจเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของการคลอด
อาการหอบเข้าสามารถรู้สึกได้ว่ามีคลื่นไส้หรือคล้ายการปวดท้องที่เข้ามาภายหลังที่คุณได้รับยาก่อนหน้านี้ไปสองชั่วโมง โดยอาจเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หรือเริ่มแรกของอาการเป็นช่วงเวลาหลายชั่วโมงก่อนการคลอด
อาการหอบเข้าเป็นสัญญาณบอกว่าคลอดอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า ควรให้ความสำคัญในการตรวจสอบสภาพการตั้งครรภ์และอาการใกล้คลอดเพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอด
5. ทารกในครรภ์เคลื่อนไหวบ่อยขึ้น

ลูกน้อยเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกว่าใกล้ถึงเวลาคลอดแล้ว ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ลูกน้อยอาจมีการปรับตัวหมุนหรือเคลื่อนไหวบ่อยขึ้น เป็นเรื่องที่พบบ่อยในขณะที่ลูกน้อยเตรียมตัวสำหรับการคลอด
การปรับตัวของลูกน้อยอาจแสดงถึงความเตรียมพร้อมในการคลอด เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ลูกน้อยจะเตรียมตัวให้พร้อมในการเจริญเติบโตและเตรียมพร้อมสำหรับการเกิด
อาการปรับตัวของลูกน้อยอาจมีความหลากหลาย ซึ่งอาจรวมถึงการปรับตัวหมุน การเคลื่อนไหวบ่อยขึ้น หรือการกระแทกซ้ายขวา การปรับตัวของลูกน้อยเป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกน้อยกำลังเตรียมตัวสำหรับการคลอด
แนวโน้มการคลอดก่อนกำหนด
แนวโน้มการคลอดก่อนกำหนดหรือการคลอดก่อนกำหนด (Preterm Birth) คือการคลอดที่เกิดขึ้นก่อนที่ภายในการตั้งครรภ์จะครบระยะเวลา 37 สัปดาห์ หรือประมาณ 259 วัน (นับตั้งแต่วันแรกของการตั้งครรภ์)
แนวโน้มการคลอดก่อนกำหนดมีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดขึ้น อาทิเช่น:
ประวัติการคลอดก่อนกำหนด: หากคุณแม่มีประวัติคลอดก่อนกำหนดในครอบครัวมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเกิดซ้ำในการตั้งครรภ์ครั้งนี้
ความอ่อนแอของระบบร่างกาย: คุณแม่ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคของระบบภูมิคุ้มกัน อาจมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดมากขึ้น
การมีครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกไม่เพียงพอ: การมีจำนวนสมาชิกในครอบครัวน้อย อาจทำให้คุณแม่ทำงานหรือมีภาระงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายทำงานหนักและมีความเครียด ซึ่งอาจเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด
ปัจจัยสภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น การมีมลภาวะอากาศหรือสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจมีผลให้คลอดก่อนกำหนด
ควรระมัดระวังและดูแลสุขภาพของคุณแม่ในช่วงการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดโอกาสการคลอดก่อนกำหนด หากคุณแม่มีความกังวลหรือมีอาการผิดปกติในการตั้งครรภ์ ควรรีบติดต่อแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและคำปรึกษาเพิ่มเติม
วิธีการดูแลช่วงใกล้คลอด
วิธีการดูแลช่วงใกล้คลอดอย่างถูกต้อง ดังนี้
- ยังไม่ควรทำกิจกรรมหนัก ๆ จนกว่าจะรู้สึกสบายใจและมั่นใจว่าอาการเจ็บท้องคลอดจะไม่กลับมาอีก
- อย่าทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานมากเกินไปหรืออาจจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- นอนพักผ่อนหนักๆผู้หญิงควรนั่งหรือนอนท่าที่สบายตัวและช่วยปรับลดอาการตึงเครียดในร่างกายของเธอ
- ควรรักษาความสะอาดของร่างกายและช่องคลอดสำหรับการป้องกันการติดเชื้อ
- อาหารที่มีประโยชน์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการคลอดและอนามัย
- การนอนหลับบนหมอนคอนโดมจะช่วยลดอาการปวดบริเวณหลังและเส้นประสาทซึ่งจะช่วยป้องกันอาการเจ็บท้องคลอด
- ควรเตรียมของใช้สำหรับเตรียมคลอดและไม่ควรลืมเอกสารที่จำเป็นต่างๆ เช่นบัตรประชาชน บัตรประกันสุขภาพ โปรดไม่ลืมโทรศัพท์มือถือของคุณ เพื่อให้สามารถติดต่อญาติ มืออาชีพและสถานพยาบาลได้ทันที
FAQs
หากคุณพบว่าอาการของคุณเป็นเหมือนหรือคล้ายกับสัญญาณใกล้คลอด คุณอาจมีคำถามเกี่ยวกับกระบวนการคลอด ดังนั้นเราได้รวบรวมคำถามประจำสำหรับผู้หญิงที่กำลังตระหนักถึงการคลอดเพื่อให้คุณมีความมั่นใจในการเตรียมความพร้อมของตัวเองมากยิ่งขึ้น
กระบวนการคลอดจริงๆ นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้หญิง และมีลักษณะเฉพาะของแต่ละกระบวนการคลอด โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการคลอดจะแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนหลักดังนี้:
การเปิดตัว (Cervical Dilation): เป็นขั้นตอนแรกของการคลอดที่มีการเปิดของปากมดลูกขึ้น ซึ่งปากมดลูกเริ่มเปิดขึ้นเพื่อให้ทารกสามารถผ่านไปในช่องคลอด ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานหรือสั้นขึ้นอยู่กับการคลอดของแต่ละคน
การบีบตัวของน้อง (Expulsion): เมื่อปากมดลูกเปิดตัวเพียงพอ ทารกจะเริ่มบีบตัวและเคลื่อนไหวเพื่อขับถ่ายตัวเองจากในช่องคลอด การบีบตัวนี้อาจรู้สึกเหมือนมีความดันหรือเจ็บบ้าง
การขับถ่ายส่วนเหลือของปากมดลูกจากในช่องคลอด (Placental Delivery): เมื่อทารกคลอดออกมาแล้ว มดลูกและเนื้อต่อที่ให้โลหิตและสารอาหารให้กับทารก (หมด) จะถูกขับถ่ายออกมาด้วย ขั้นตอนนี้ทำให้มดลูกกลับคืบควบคู่สู่ขนาดปกติของมดลูกหลังคลอด
เนื่องจากกระบวนการคลอดแต่ละครั้งมีความหลากหลาย ควรให้ความสำคัญในการศึกษาและเตรียมตัวในการคลอดอย่างถูกต้อง และติดตามคำแนะนำของแพทย์ในการคลอด
หากคุณรู้สึกปวดมากขณะคลอด คุณควรแจ้งให้แพทย์หรือผู้ช่วยทันที ผู้ช่วยจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การนั่งสำหรับการผ่าตัดได้ง่ายขึ้นและการใช้ยาบรรเทาปวด
อาการเจ็บท้องเตือนว่าการคลอดอาจเกิดขึ้นได้ในไม่ช้า อาการเจ็บท้องอาจเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน หรือมีความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง อาการเจ็บท้องอาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น มีอาการปวดหลัง มีอาการปวดบริเวณสะดือ เป็นต้น